วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแถบยุโรปตะวันตก




หอเอนปิซ่า ( Tower of Pisa)









ตั้งอยู่ที่เมืองปิซ ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

การสร้าง


เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา






กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้






ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา
ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง
ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
  • นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซานี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จอีกด้วย*
สถานที่ท่องเที่ยวในประทศอิตาลียังมีมีอื่นมากมายนะค่ะ


พระราชวังวาติกัน โคลอสเซียม น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปนในกรุงโรม และอิตาลียังมีสถานที่สุดสยองที่สุดในโลกด้วยนะค่ะ


สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี
สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี
สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี











เป็นสุสานเก่ากึ๊กตั้งอยู่ใต้อรามนักบวชคาปูชิน แห่งโบสถ์ฟรานซิสกัน ของคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม เกาะซิซิลี ที่นี้มีซากผู้ไร้วิญญาณเต็มไปหมด จะเป็นชุมชนปลากระป๋องแล้ว ถึงขนาดบางศพมาทีหลัง ไม่มีที่ให้ยืนสบาย(แหม ทำยังกะว่ายืนมันสบายตายอ่ะ ) ต้องถูกเกี่ยวไว้กับตะขอ(คิดดิเหมือนอะไรเลย )บนผนัง และถ้าเดินเข้าไปก็จ้ะเอ๋แต่ศพนั่ง…นอน…ยืน…เดินและกระโดด(มีที่ไหนเล่าเดินกับกระโดดอ่ะ ) บางตัวยังคงใส่เตรื่องแต่งกายเมื่อยังมีชีวิตอยู่  มีมัมมี่เด็กด้วยน่ะขอบอก เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนคนนอนหลับอายุ 8 ขวบชื่อ โรซาเลีย ลอมบาร์โด ที่หมักดองไว้ 70-80ปีแล้ว


รูปถ่ายมาตรฐานที่ทุกคนไปแล้วต้องถ่ายท่านี้





ที่เค้าทำกันเรียกกันว่า ท่าผลักไม่ให้หอเอนปิซ่าล้มนั้นเองค่ะ





วันที่หอเอนปิซาตั้งตรง
  แต่ภาพนี้คงไม่ใช่ ถีบให้ล้มมากว่า



อ้างอิงจาก